วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

-ข่าวสาร-ความรู้เคมี- #9

สารเคมีในโรงงาน Samsung รั่วไหล คนงานวัย 52 ปี ดับ!

สารเคมีในโรงงาน Samsung รั่วไหล คนงานวัย 52 ปี ดับ!
สลด!!! สารเคมีในโรงงาน Samsung รั่วไหล คนงานวัย 52 ปี ดับอนาถ!
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น! เมื่อโรงงานผลิตชิ้นส่วนของ Samsung ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เกิดเหตุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รั่วไหลออกมา ทำให้คนงานที่อยู่บริเวณนั้น บาดเจ็บ และ 1 ในคนงานวัย 52 ปีเสียชีวิต!!!
สำนักข่าวเกาหลีใต้ yonhanews รายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจาก ระบบดับเพลิงของโรงงานทำงานผิดพลาด เมื่ออยู่ๆก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดเหตุไฟไหม้แต่อย่างใด ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในพื้นที่ เมื่อเหตุการณ์สงบลง พบผู้เสียชีวิตเป็นคนงานชายวัย 52ปี 


เว็บไซต์ Engaget ได้โพสถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ2-3ปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้ว่า เมื่อเดือน มกราคม ปี2013 นั้น เคยเกิดเหตุการณ์สารเคมี Hydroflouric acid รั่วไหลออกมามากกว่า 10 ลิตร
ในโรงงานผลิตชิปของ Samsung ทำให้คนงานเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย จากเหตุการณ์นี้บริษัท Samsung ถูกปรับเป็นเงินกว่า 1000ดอลลาร์ เพื่อเป็นการตักเตือนไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก
แต่หลังจากนั้น 4 เดือน ก็เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำขึ้นอีกในลักษณะเดียวกัน ทำให้คนงานบาดเจ็บ 3 ราย 
ล่าสุดทาง Samsung ได้แสดงความเสียใจและแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของตนเอง และกล่าวว่าจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัย และป้องกันอุบัติเหตุให้เข้มงวดยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 3 เหตุการณ์
จะเห็นว่าทั้งหมดนั้นเกิดจากความสะเพร่า และไม่เอาใจใส่ดูแลของ ผู้ดูแล เพราะเหตุการณ์มักเกิดขึ้นซ้ำๆ ทีมงาน Sanook! Hitech ขอแสดงความเสียใจกับคนงานที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยนะครับ
และหวังว่าทางโรงงานจะรักษาความปลอดภัยของ คนงาน ให้มากขึ้นกว่านี้
ที่มา:sanook

-ข่าวสาร-ความรู้เคมี- #8

จีนคลังสารเคมีระเบิดรุนแรงที่เทียนจิน ยอดเสียชีวิต 44 ราย
จีนคลังสารเคมีระเบิดรุนแรงที่เทียนจิน ยอดเสียชีวิต 44 ราย
คืนวานนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. ตามเวลาจีน เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่ย่านผิงไห่ เทศบาลนครเทียนจิน ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ทวิตเตอร์ @XHNews เผยภาพขณะเกิดเหตุซึ่งเห็นได้ว่าการระเบิดครั้งนี้รุนแรงมาก เปลวเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงหลายเมตร
ทวิตเตอร์ @MSimonTV ของ นายแมตต์ ไซมอน โปรดิวเซอร์รายการข่าว CCTV อเมริกา รายงานว่า เหตุระเบิดนี้เกิดขึ้นในท่าเรือตงเจียง เก็บสินค้าจำพวกสารเคมี สารไวไฟ และสารระเบิดร้ายแรงของบริษัท รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ แรงระเบิดระดับรุนแรงสองครั้ง วัดขนาดได้ถึง 2.3 แมกนิจูด หรือ เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และ 2.9 แมกนิจูด หรือเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ส่วนตึกและอาคารในรัศมีราว 10 กิโลเมตรจากจุดระเบิดนั้นเสียหายเกือบทั้งหมด
ล่าสุด 13.00 น. ทวิตเตอร์ @XHNews รายงานว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ราย โดยในจำนวนนี้มี 12 คนเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ที่มา:sannok

-ข่าวสาร-ความรู้เคมี- #7

สารเคมีรั่วในสระว่ายน้ำ หามเด็กส่ง รพ. นับสิบราย
สารเคมีรั่วในสระว่ายน้ำ หามเด็กส่ง รพ. นับสิบราย
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 13 มี.ค. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพต้องระดมกำลังมาช่วยเหลือเด็กนักเรียนกว่า 20 คน ที่สำลักกลิ่นเหม็นของสารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ภายในสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หลังสารเคมีที่ผสมเตรียมไว้เกิดปฏิกิริยารั่วออกมา ขณะที่เด็กกำลังเรียนว่ายน้ำภาคฤดูร้อน  โดยเจ้าที่กู้ภัยนำเด็กที่สูดกลิ่นเหม็นของสารเคมีนำส่งโรงพยาบาลขอนแก่น จำนวน 9 ราย ส่วนที่เหลือผู้ปกครองได้มารับตัวนำกลับบ้าน

สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากถังผสมสารเคมีสำหรับใช้ในการตกตะกอน ที่เจ้าหน้าที่ดูแลสระว่ายน้ำผสมไว้สารเคมีสำหรับให้น้ำตกตะกอน ประกอบด้วย โซดาแอช จุนสี สารส้ม ได้ทำปฏิกิริยาขึ้น แล้วเกิดควันพุ่งออกจากถังผสมสารเคมี จึงทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วสระว่ายน้ำที่ขณะนั้นมีเด็กกำลังเรียนว่ายน้ำ

ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เขต6 ขอนแก่น ได้นำเครื่องดูดกลิ่นออกจากตัวอาคาร เพื่อเตรียมเข้าไปดูจุดห้องผสมสารเคมี โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถไล่กลิ่นเหม็นคลอรีนออกจากพื้นที่สระว่ายได้ทั้งหมด

ตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เข้าตรวจสอบสระว่ายน้ำ พร้อมกับสอบปากคำคนดูแลวระว่ายน้ำเพิ่มเติม  พร้อมเข้าไปตรวจสอบภายในสระว่ายน้ำ พบว่าน้ำมีสีขุ่นและมีฟองอากาศ

จากนั้นได้นำขวดน้ำเก็บน้ำภายในสระไว้ ก่อนที่จะเดินทางไปยังโรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลราชพฤกษ์ และโรงพยาบาลขอนแก่นราม เพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เข้ารักษาตัวซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุระหว่าง 5-10 ปี  เบื้องต้นทางแพทย์ได้อนุญาตให้ผู้ที่เข้ารักษาตัวทั้ง 9 คน เดินทางกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อย

ขณะที่ทางสระว่ายน้ำได้ประกาศหยุดให้บริการเป็นเวลา 2 วัน คือวันที่ 14-15 มีนาคม 2559 และจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพุธที่ 16 มีนาคม 2559

และในเวลา 09.00 น. นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น จะเดินทางมาตรวจสอบร่วมกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงสาเหตที่เกิดการรั่วไหลของสารเคมีในครั้งนี้
ที่มา:sanook

-ข่าวสาร-ความรู้เคมี- #6

แอลเอชซีทดลองเร่งอะตอมตัวแรกเข้าใกล้ความเร็วแสง

เครื่องชนอนุภาค LHC
องค์การเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรปหรือเซิร์น (CERN) แถลงว่าเครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่แอลเอชซี (LHC)ได้ทำการทดลองพิเศษก่อนปิดเครื่องซ่อมบำรุงประจำปี โดยได้เร่งให้อนุภาคของตะกั่วทั้งอะตอมเข้าใกล้ความเร็วแสง ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่การผลิตรังสีแกมมาพลังงานสูงที่อาจนำไปสู่การค้นพบสสารชนิดใหม่ได้
ตามปกติแล้วเครื่องชนอนุภาคแอลเอชซีมักทำการทดลองชนโปรตอน ซึ่งเป็นอนุภาคมูลฐานภายในนิวเคลียสของอะตอมเป็นหลัก แต่ในการทดลองพิเศษเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจทดลองเร่งความเร็วของสสารทั้งอะตอมให้เข้าใกล้ความเร็วแสงเป็นครั้งแรก โดยใช้อะตอมของตะกั่วที่มีอิเล็กตรอน 1 ตัวในการทดลองครั้งนี้
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ cern logoนักฟิสิกส์และวิศวกรของเซิร์นระบุว่า การทดลองดังกล่าวถือเป็นขั้นแรกในการทดสอบแนวคิด "โรงงานรังสีแกมมา" (Gamma Factory) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการเร่งสสารทั้งอะตอมจะทำให้แอลเอชซีสามารถผลิตลำแสงรังสีแกมมาพลังงานสูงไว้ใช้ เพื่อค้นหาสสารชนิดใหม่ ๆ เช่นสสารที่มีมวลมาก หรือแม้แต่ผลิตสสารมืด (Dark matter) ขึ้นมาเองได้
หากแอลเอชซีสามารถเพิ่มศักยภาพในการเป็น "โรงงานรังสีแกมมา" ได้สำเร็จ จะมีการใช้เลเซอร์ยิงอะตอมที่ถูกเร่ง เพื่อให้อิเล็กตรอนกระโดดสู่ระดับพลังงานที่สูงขึ้น เมื่ออิเล็กตรอนดังกล่าวกลับคืนสู่ภาวะปกติ จะมีการคายพลังงานในรูปของโฟตอนหรืออนุภาคของแสงที่มีพลังมหาศาลออกมา ซึ่งก็คือลำแสงรังสีแกมมาที่ต้องการนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม การเร่งอนุภาคทั้งอะตอมนั้นทำได้ยาก เพราะโครงสร้างของอะตอมที่เปราะบางอาจทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกไประหว่างการทดลองและส่วนนิวเคลียสชนเข้ากับผนังท่อเร่งความเร็วได้ จึงต้องมีการทดสอบหาระดับพลังงานในการเร่งอนุภาคทั้งอะตอมที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดลำรังสีแกมมาที่มีความเสถียรเป็นเวลานานมากเพียงพอต่อการใช้งาน
รังสีแกมมาพลังงานสูงสามารถให้กำเนิดอนุภาคชนิดต่าง ๆ ทั้งที่เป็นสสารชนิดปกติทั่วไปเช่น ควาร์ก อิเล็กตรอน และอนุภาคมิวออน รวมทั้งสสารที่มีมวลมากซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปต่อไปเป็นสสารหายากเช่นสสารมืดได้
ที่มา:BBC

-ข่าวสาร-ความรู้เคมี- #5

ข้อควรรู้ก่อนทาลิปสติก อันตรายแฝงจากสารเคมีที่พร้อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ข้อควรรู้ก่อนทาลิปสติก อันตรายแฝงจากสารเคมีที่พร้อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ในยุคนี้เราจะเห็นว่ามีลิปสติกสีสันสดใสผลิตออกมามากขึ้น ยิ่งสีสดแค่ไหน ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น แถมบางยี่ห้อยังเคลมอีกด้วยว่าเป็นลิปสติกที่สามารถติดทนอยู่กับริมฝีปากได้นานตลอดวันไม่มีหลุดในการทาเพียงแค่ครั้งเดียว หารู้ไม่ว่ามันเต็มไปด้วยสารเคมีที่ไม่ควรสัมผัสถูกผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น สารกันบูดที่มักผสมอยู่ในเครื่องสำอางทั่วๆ ไป, พาราเบน, เมธอะคริเลท, สารตะกั่วปนเปื้อน และไตรโครซาน ฯลฯ
สารเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบฮอร์โมน เข้าไปรบกวนการทำงานของสมอง กล้ามเนื้อ และอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้จากผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นถึงความน่าวิตกว่าสารเคมีมากมายจากลิปสติกที่เข้าไปสะสมในร่างกาย จะเป็นตัวการทำให้เชื้อโรคดื้อยาปฏิชีวนะตามมา ส่งผลให้การรักษาอาการยุ่งยากและรุนแรงมากขึ้น
เมธอะคริเลทเป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก แต่มันกลับถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของลิปสติกที่มีสีฉูดฉาด ทำให้สีหลุดลอกได้ยาก สารชนิดนี้เมื่อร่างกายได้รับเข้าไปแล้ว จะส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ในระยะแรกจะแสดงอาการมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความถี่ในการทาของสาวๆ แต่ละคน ทั้งนี้อาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นสามารถพัฒนากลายเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเองที่เรารู้จักกันว่าโรค SLE ได้อีกด้วย เป็นตัวการส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแปรปรวน ไวต่อสิ่งแปลกปลอมมากเกินปกติ เกิดภาวะอักเสบตามผิวหนัง หากไม่รีบทำการรักษาจะยิ่งลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของอวัยวะได้
ที่มา:sanook

-ข่าวสาร-ความรู้เคมี- #4

มารู้จัก ‘Green Diaper’ ผ้าอ้อมสีเขียวไร้สารเคมีกันเถอะ!

ถ้าพูดถึงประเภทของ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หลายคนคงนึกถึงแค่ แบบกางเกง หรือ แบบเทป ใช่ไหมคะ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงชนิดของผ้าอ้อมสำเร็จรูปในอีกมุมหนึ่งกัน ระหว่าง “ผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั่วไปตามท้องตลาด กับ ผ้าอ้อมสีเขียว”

     ยุคนี้อะไรๆ ที่เป็น Green Product มักจะได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย เพราะช่วยรักษ์โลกและไม่เป็นพิษภัยต่อผู้ใช้ โดยสิ่งที่เป็น Green Product ก็มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น พลังงานเขียว (Green Energy), พลาสติกเขียว (Green Plastic), กระเป๋าเขียว (Green Bag), อาคารเขียว (Green Building) หรือแม้กระทั่งผ้าอ้อมสำเร็จรูป ก็มีแบบ Green Product ด้วยเหมือนกันนะ!
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/28OCkHr)
      ผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั่วไป กับ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่อยู่ในหมวด Green Product แตกต่างกันอย่างไร??

     1. Fluff/Cellulose Pulp ปุยนุ่นนุ่มนิ่ม ไม่มีสารคลอรีน
     ในผ้าอ้อมทั่วไปจะผ่านการใช้สารเคมีอย่าง “แก๊สคลอรีน” ซึ่งเป็นแก๊สที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงในการฟอกขาว ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ดวงตา หรือระบบทางเดินหายใจได้ ในขณะที่วัสดุที่นำมาใช้ในผ้าอ้อมที่เป็น Green Diaper จะผลิตจากเยื่อไม้ธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ง่าย และใช้กรรมวิธีในการฟอกขาวโดยปราศจาก แก๊สคลอรีน 100 % ซึ่งเวลาเลือกซื้อคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์ TCF (TCF=TOTAL CHLORINE FREE) เพื่อความชัวร์ได้เลยค่ะ

     2. เส้นใยที่ไม่ผ่านการทอ (Non-Woven)
     ในแผ่นชั้นบนสุดของ Green Diaper จะเป็นเส้นใยที่ไม่ผ่านการทอ (Non-Woven) ด้วยการผลิตจาก Polypropylene (PP) และในขั้นตอนการผลิตจะต้องปราศจากสารตัวทำละลายอินทรีย์ (Organic Solvent) ด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยเฉพาะสารพาทาเลต(Phthalates) ซึ่งเป็นสารประกอบของพลาสติกที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เรียกได้ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว...ก็ปลอดภัย

     3. เม็ดคริสตัลใสๆ (Super Absorbent Polymer | SAP)
     ใน Green Diaper จะใช้สารโซเดียมโพลิอะคริเลต (Sodium Polyacrylate) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับได้ดีเยี่ยม ทำให้ของเหลวไม่หมักหมม เมื่อไม่หมักหมมก็ย่อมไม่อับชื้น เด็กก็ไม่เสี่ยงที่จะเป็นผดผื่นได้เหมือนผ้าอ้อมทั่วไป นอกจากนี้ ตามมาตรฐานของ NORDIC ECO LABEL ยังมีการควบคุมปริมาณตกค้างของโมโนเมอร์ของกรดอะคริลิก(Residual Monomers) ไม่ให้เกิน 400 PPM ด้วย ช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่หายห่วงเรื่องสารตกค้างหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ ร่างกายของเจ้าตัวน้อยไปได้อย่างสบายใจ


     4. Film แผ่นฟิล์มด้านนอกสุด
     วัสดุที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผ้าอ้อม นั้นก็คือ ฟิล์มนั่นเอง เพราะฟิล์มจะทำหน้าที่ป้องกันการรั่วซึม ช่วยไม่ให้ซึมเปื้อน ใน Green Diaper จะใช้ฟิล์มแบบ Polyethytlene (PE), Bico PP/PE หรือ PE/PET Fibers ที่มีขั้นตอนการผลิตที่ปลอดภัยปราศจากตัวทำละลายอินทรีย์ และที่สำคัญคือไม่มีส่วนผสมของสารพาทาเลต (Phthalates) ที่เป็นสารก่อมะเร็ง แค่นี้ก็หายห่วงเรื่องโรคร้ายแล้ว ทั้งกันน้ำกันมะเร็ง...ปลอดภัยสุดๆ ไปเล้ย!

     5. Spandex เส้นใยยืดหยุ่น
     คุณแม่ท่านไหนที่ชอบเย็บปักถักร้อยคงจะทราบถึงคุณสมบัติของผ้าสแปนเด็กซ์กันดีว่าผ้าชนิดนี้มีจุดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่นสูงแต่ไม่เสียทรง บางเบา ผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูปจึงนำเอาจุดเด่นของผ้าชนิดนี้ มาทำเป็นตัวกระชับรอบเอวและขา ที่สามารถมีความยืดหยุ่นได้มากถึง 400 เท่า ทำให้เด็กคล่องตัวไม่อึดอัด ใน Green Diaper ตัวแผ่นสแปนเด็กซ์จะผลิตจาก Polyether หรือ Polyester และที่สำคัญคือต้องไม่มีส่วนประกอบของ PVC (พลาสติกที่อาจมีสารไวนิลคลอไรด์ตกค้างอยู่) อย่างเด็ดขาด เท่านี้ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่หมดห่วงเรื่องสารตกค้างไปได้เลย
     6. Printing & Dying ลวดลายและการย้อมสี
     เพราะใครๆ ก็ชอบของน่ารักๆ ลวดลายก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เผลอใจเลือกซื้อผ้าอ้อม ก็มันอดใจไม่ไหวนี่นา.. ใช่มั๊ยคะ? ผ้าอ้อมทั่วไปอาจมีการย้อมสีเพื่อเปลี่ยนสีผ้าอ้อมจากสีขาวเป็นสีต่างๆ หรือพิมพ์ลวดลายน่ารักๆ แต่กับ Green Diaper นั้นต้องปราศจากการย้อมสีโดยสิ้นเชิง ส่วนในการพิมพ์ลวดลายต่างๆ นั้น คุณพ่อคุณแม่ก็ยังสบายใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแน่นอน เพราะเม็ดสีที่ใช้ใน Green Diaper นั้นต้องไม่มีส่วนผสมของสารโลหะหนัก เช่นปรอท ตะกั่ว แคดเมียม ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้นลวดลายที่ได้ของ Green diaper จะมาจากธรรมชาติล้วนๆ ลายน่ารักแถมยังปลอดภัย ยิ้มได้ทั้งคู่ WIN WIN ทุกฝ่ายได้อี๊ก!

     7. สารปรุงแต่งต่างๆ เช่น Optical Brightener, Lotion, Perfume, Fragrance
     ใน Green Diaper จะเน้นความเป็นธรรมชาติสุดๆ โดยจะไม่มีการใส่สารปรุงแต่งต่างๆ มาประกอบ เช่น Optical Brightener (สารเพิ่มความขาว) ,Lotion (โลชั่น) ,Perfume (น้ำหอม) ,Fragrance (กลิ่น) เนื่องจากผิวของเด็กอ่อนเป็นผิวที่บอบบางมาก จึงควรหลีกเลี่ยงสารต่างๆ ที่ไม่จำเป็น เพราะจะเป็นการสร้างการระคายเคืองหรือผดผื่น ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าใน Green Diaper จะปราศจากสารปรุงแต่งเหล่านี้แน่นอน ก็คล้ายๆ กับการที่เราเลือกกินอาหารออแกนิคที่ต้องปลอดสารเติมแต่งทุกขั้นตอนนั่นเองค่ะ

     8. มั่นใจได้... เพราะวัตถุดิบทุกชนิดออกแบบและคัดเลือกมาเพื่อเด็กอ่อนเท่านั้น (All Raw Materials)
     ถึงชื่อส่วนประกอบในผ้าอ้อมแต่ละอย่างจะดูน่ากลัว และมีสารแปลกๆ ที่ไม่คุ้นตาแต่ไม่ต้องกังวลว่าลูกน้อยจะได้รับสารเคมีตกค้างแต่อย่างใดเพราะใน Green Diaper ทุกชิ้นต้องไม่มีสารหรือส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อคนและสิ่งแวดล้อม คุณพ่อคุณแม่หมดกังวลได้เลยเพราะวัสดุที่ใช้ใน Green Diaper นั้น ถูกคัดเลือกมาให้เหมาะสมกับเด็กอ่อนมีผลกระทบทั้งต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด รักลูกแถมรักษ์โลกสมกับเป็นพ่อแม่ยุคใหม่หัวใจสีเขียวสุดๆ
     เมื่อ Green Diaper เทียบกับผ้าอ้อมทั่วไปจะเป็นอย่างไร? ดูตามตารางนี้เลยค่ะ


     สรุปง่ายๆ หลักๆ ของผ้าอ้อมที่จะเข้าข่ายเป็น Green Product ได้ จะต้องไม่เป็นอันตรายต่อคนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารเคมี เช่น น้ำหอม ครีมบำรุงผิว โลชั่น และไม่ผ่านการฟอกสีด้วยสารคลอรีนโดยเด็ดขาด รวมถึงสารอันตรายอย่าง Phthalates สารเคมีที่ใช้เพิ่มความอ่อน (Softener), PVC (Polyvinylchloride) ซึ่งอาจมีสารไวนิลคลอไรด์ (Vinyl Chloride) ตกค้างจนก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับได้, สาร Colophony Resin รวมถึงสาร Formaldehyde หรือสีสังเคราะห์ที่นำมาทำลวดลาย เป็นต้น
     ถึงแม้ว่า Green Diaper จะไม่ได้ใช้สารเคมี แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าผ้าอ้อมทั่วไปเลย เผลอๆ บางอย่างดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะทำมาจากธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิวเจ้าตัวน้อย เรียกว่า Green แต่แจ๋วสุดๆ ^^
     แล้วสารเคมีที่ปนเปื้อนอยู่ในผ้าอ้อมทั่วไปมีผลร้ายต่อลูกน้อยขนาดไหน?

     ผ้าอ้อมทั่วไปอาจมีสารคลอรีนจากการฟอกขาวปนเปื้อนอยู่ โดยปกติสารจะยังไม่ส่งผลอะไร จนเมื่อลูกน้อยขับถ่าย ความชื้นจะทำให้สารคลอรีนเกิดปฏิกิริยา จนสารระเหยเข้าสู่ร่างกายของลูกน้อยได้ และเมื่อนั้นเองที่ผิวของลูกน้อยสัมผัสกับสารนี้จะเกิดการระคายเคือง ผิวหนังอักเสบ แสบไหม้ บวมพอง และถ้าลูกน้อยต้องอยู่กับสารนี้ไปนานๆ อาจลามไปถึงอาการผิดปกติและการทำงานของปอดบกพร่องต่อเนื่องได้ บางรายอาจเกิดภาวะ Reactive Airways Dysfunction Syndrome (RADS) ทำให้เป็นโรคหอบเรื้อรังตลอดชีวิต อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) อีกด้วย เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจในการเลือกให้มากๆ โดยเฉพาะกับลูกน้อยของเราที่ผิวบอบบางและภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ

     คราวนี้ก็อยู่ที่คุณพ่อคุณแม่แล้วว่าจะเลือกแบบไหน? ควรเลือกให้ดีก่อนซื้อ หรือจะให้ ‘ผ้าอ้อมสีเขียวไร้สารเคมี’ อย่าง Muumi BABY ที่เป็น Green Diaper หนึ่งเดียวในไทย และได้การรับรองจากมาตรฐานสหภาพยุโรป ฉลากเขียวของกลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic Ecolabe) ที่การันตีว่าทุกขั้นตอนต้องผ่านกรรมวิธีผลิตมาจากธรรมชาติ ไร้สิ่งเจือปน อย่าง น้ำหอม โลชั่น ที่สำคัญต้องไม่ผ่านการฟอกขาวด้วยสารคลอรีนในผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กโดยเด็ดขาด เป็นทางเลือกเพื่อลูกน้อยก็ดี๊ดีย์…



     หากเรามองข้ามเรื่องที่สำคัญสำหรับลูกน้อยไป เพราะเห็นว่าไม่น่าจะเป็นอะไร แต่จริงๆ แล้วอาจส่งผลร้ายต่อลูกระยะยาวก็เป็นได้ ซึ่งมันคงจะดีถ้าใครๆ เห็นความสำคัญของผ้าอ้อมรักษ์โลกที่ต่างจากผ้าอ้อมทั่วไปที่ย่อยสลายไม่ได้ เรียกว่าดี ต่อลูกน้อยแล้วยังดีต่อโลกอีกด้วยนะคะ
ที่มา:sanook

-ข่าวสาร-ความรู้เคมี- #3

อันตราย! ผักไทยพบสารเคมีตกค้างเกือบ 100% แทบทุกชนิด

ไม่ว่าจะช่วงเทศกาลกินเจ หรือช่วงปกติ การทานผักเป็นเรื่องที่เราควรทำเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี แต่ข่าวร้ายคือ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (รพ.ศิริราช) ตรวจพบสารเคมีตกค้างจากยาฆ่าแมลงในผักสดของไทยหลายชนิด ที่เกินค่ามาตรฐานไปมาก กล่าวคืออยู่ที่ 85-100% เลยทีเดียว นับว่าเป็นตัวเลขที่น่ากลัว จนต่างประเทศรับไม่ได้อย่างแน่นอน


พบสารเคมีเกือบ 100% จริง!
จากคลิปจะเห็นได้ว่า ตรวจพบผักที่มีสารเคมีจากยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่หลายชนิด เช่น ผักคะน้า พบสารเคมีตกค้างอยู่ที่ 85% ผักบุ้งจีน 98% ผักกวางตุ้ง 99% และกะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ แตงกวา พบมากถึง 100% เรียกได้ว่าพบสารเคมีตกค้างทุกแหล่งผลิตเลยก็ว่าได้ เพราะคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (รพ.ศิริราช) สุ่มเก็บตัวอย่างมาทดสอบจากกว่า 100 แห่ง จากหลายจังหวัดทั่วประเทศ และในทุกฤดูกาลเลยทีเดียว

ปลูกผักผลไม้ที ใช้สารเคมี 20 กว่าชนิด?
นอกจากจะเจอสารเคมีตกค้างในผักยอดนิยมของคนไทยหลายชนิดแล้ว แต่ละชนิดยังไม่ได้พบสารเคมีแค่ตัวเดียวอีกด้วย เช่น ในผักคะน้า พบสารเคมีตกค้างมากถึง 12 ชนิด มังคุด พบสารตกค้างมากถึง 20 ชนิด หรือว่าจะเป็นส้มที่พบมากถึง 21 ชนิดเช่นกัน นั่นหมายความว่าเกษตรกรใช้สารเคมีมากถึง 21 ชนิดในการปลูกส้มนั่นเอง

ถูก-แพง ก็พบสารเคมีเหมือนกัน!
นอกจากนี้ รศ. ดร. สมพนธ์ วรรณวิมลรักษ์ จากศูนย์วิจัยพัฒนานวัตกรรม คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ดำรงตำแหน่งหัวหน้าโครงการวิจัยผัก และผลไม้ที่ปลอดภัยเพื่อครัวโลก ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ราคาของผักไม่ได้การันตีว่าจะไม่พบสารเคมี หรือพบสารเคมีมากกว่าหรือน้อยกว่าแต่อย่างใด จากการสุ่มตรวจหาสารเคมีตกค้างในผักผลไม้ทั้งจากตลาดสด และในซุปเปอร์มาร์เก็ตขึ้นหาก ทั้งจากแหล่งผลิตที่เขียนข้างบรรจุภัณฑ์ชัดเจนว่า “ผักปลอดสารพิษ” “ผักอินทรีย์” สุดท้ายก็เจอสารเคมีเพียบ นั่นหมายความว่าเราจ่ายเงินมากกว่าหลายเท่า แต่ได้ผักผลไม้ที่มีสารเคมีตกค้างมากเท่าๆ กับผักผลไม้ในตลาดสด

เคล็ดลับการล้างผักผลไม้ เพื่อลดสารพิษ ยาฆ่าแมลง สารเคมีตกค้างต่างๆ
1. ล้างผักผลไม้ด้วยด่างทับทิม ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 20-30%
2. ล้างด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชู ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 30-40%
3. ล้างด้วยน้ำผสมผงฟู หรือเบกกิ้งโซดา ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 30-40%
4. ล้างผักด้วยวิธีน้ำไหล โดยแยกใบผัก กลีบผักออกมา แช่ในน้ำ 10 นาที จากนั้นหยิบใบผักขึ้นมา เปิดก็อกให้น้ำไหลผ่านผักและผลไม้ทีละใบ ทีละก้าน ถูๆ ให้สะอาดราว 2 นาที วิธีนี้ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 60-70%

มาถึงตรงนี้ ในฐานะผู้บริโภคก็ควรจะดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง ด้วยการใส่ใจล้างผัก และผลไม้อย่างถูกวิธี แต่ในทางกลับกัน การพบสารเคมีตกค้างในผัก และผลไม้เกินค่ามาตรฐานทั่วประเทศไทย ไม่เว้นจากแหล่งผลิตที่แปะป้ายไว้ว่าผักปลอดสารพิษ ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ภาครัฐควรเข้ามาตรวจสอบ แก้ไข และพัฒนาให้ดีขึ้น ให้ถูกต้อง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากรในประเทศค่ะ
ที่มา:sanook